เมื่อเราทำการวัดระยะทางการเคลื่อนที่ของสินค้า ตามปกติแล้ว ก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน เช่น การที่ราคาทองคำเคลื่อนที่จากราคา 1850 ขึ้นไปที่ราคา 1890 ก็คือการที่ราคาทองคำขึ้นมาแล้ว 40 ดอลลาห์ , การที่ดัชนี S&P500 เคลื่อนที่จากราคา 3,500 ลงไปที่ 3,000 ก็คือการที่ราคา S&P500 ลงมา 500 จุด การที่ราคาบิทคอยน์ เคลื่อนที่จากราคา 20,000 ขึ้นไปที่ราคา 25,000 ก็คือการที่ราคาบิทคอยน์ขึ้นมาแล้ว 5,000 USD เป็นต้น อย่างไรก็ตามในโปรแกรม MT4 และ  MT5 จะมีการใช้หน่วยบอกระยะทางจที่เรียกว่า Point ในทุกๆสินค้า ซึ่งในบทความนี้ทาง Startrader จะพาให้ทุกท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง Point มากขึ้น

Point คือหน่วยที่ใช้วัดระยะทางการเคลื่อนที่ของสินค้า โดยวิธีวัดหน่วย Point ก็ทำได้โดยการนับตั้งแต่ทศนิยมตำแหน่งสุดท้าย

    เช่น

            ตัวอย่างที่ 1

          ราคาทองคำ (XAUUSD)  เคลื่อนที่จาก 1850.00 ขึ้นไปที่ 1850.01 เท่ากับ ราคาทองคำเคลื่อนที่ขึ้นไป 1 Point

            ตัวอย่างที่ 2

         ราคา GBPJPY เคลื่อนที่จาก 158.055 ลงมาที่ 158.050 เท่ากับราคา GBPJPY เคลื่อนที่ลงมา 5 Point

            ตัวอย่างที่ 3

         ราคา EURUSD เคลื่อนที่จาก 1.10010 ลงมาที่ 1.10000 เท่ากับราคา EURUSD เคลื่อนที่ลงมา 10 Point

         ทั้งนี้เราสามารถใช้สูตรด้านล่าง เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวน

      สูตรที่ 1

วิธีการหาค่าแปรผัน สามารถทำได้ดังนี้

ไม่มีทศนิยมตามหลัง = 1

ทศนิยม 1 ตำแหน่ง  = 10

ทศนิยม 2 ตำแหน่ง  = 100

ทศนิยม 3 ตำแหน่ง  = 1,000

ทศนิยม 4 ตำแหน่ง  = 10,000

ทศนิยม 5 ตำแหน่ง  = 100,000

เช่น

ตัวอย่างที่ 1

USDJPY เคลื่อนที่จาก 110.205 ไปยัง 110.507 เท่ากับกี่ Point

       จำนวน Point = (ส่วนต่างราคา) * ค่าแปรผัน

                             = (110.507 – 110.205) * 1,000

                             = 302 Point

ตัวอย่างที่ 2

XAUUSD เคลื่อนที่จาก 1850.25 ไปยัง 1890.58 เท่ากับกี่ Point

       จำนวน Point = (ส่วนต่างราคา) * ค่าแปรผัน

                             = (1890.58 – 1850.25) * 100

                             = 302 Point

ตัวอย่างที่ 3

EURUSD เคลื่อนที่จาก 1.01000 ไปยัง 1.00457 เท่ากับกี่ Point

       จำนวน Point = (ส่วนต่างราคา) * ค่าแปรผัน

                             = (1.01000 – 1.00457) * 100,000

                             = 543 Point

   สูตรที่ 2

ตัวอย่างที่ 1

Buy USDJPY ที่ราคา 110.178 หากต้องการตั้ง Take Profit 780 Point และ Stop Loss 970 Point จากจุดเข้าออเดอร์ จะต้องตั้งที่ราคาใดบ้าง

Take Profit = 110.178 + (780/1000)

= 110.178 + 0.78

 = 110.958 

Stop Loss = 110.178 – (970/1000)

= 110.178 – 0.97

= 109.208       

ตัวอย่างที่ 2

Buy XAUUSD ที่ราคา 1860.00 หากต้องการตั้ง Take Profit 540 Point และ Stop Loss 960 Point จากจุดเข้าออเดอร์ จะต้องตั้งที่ราคาใดบ้าง

Take Profit = 1860 + (540/100)

= 1860 + 5.4

= 1865.4 

 Stop Loss = 1860 – (960/100)

= 1860 – 9.6

= 1850.4

การแปลง Point เป็นกำไรขาดทุนในหน่วยสกุลเงิน

การแปลง Point เป็นจำนวนเงิน สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้ 

จากสูตรจะเห็นว่า เราจำเป็นที่จะต้องรู้ Contract Size (ขนาดสัญญา) ด้วย โดยวิธีเช็ค Contract Size (ขนาดสัญญา) ไม่ว่าจะเป็นในโปรแกรม MT4 หรือ MT5 มีวิธีการดังนี้

เปิดโปรแกรม Market Wach ขึ้นมา -> ชี้เมาท์ไปที่สินค้าที่เราต้องการ -> คลิกขวา -> เลือก Specification -> Contract Size จะอยู่บรรทัดที่ 4

หมายเหตุ: สกุลเงินที่คำนวนได้จะเป็นสกุลเงินด้านขวาเสมอ

อย่างไรก็ตามในโปรแกรม MT4 หรือ MT5 ของโบรกเกอร์ Star Trader จะคำนวนให้เป็นสกุลเงิน USD  ตามเรทอัตราแลกเปลี่ยน ณ ตอนนั้น

ตัวอย่าง

Buy USDJPY ที่ราคา 110.178 จำนวน 2.5 Lot หากต้องการตั้ง Take Profit 780 Point และ Stop Loss 970 Point จากจุดเข้าออเดอร์ จะต้องตั้งที่ราคาใดบ้าง

สรุป

Point เป็นหน่วยที่ใช้วัดระยะทางการเคลื่อนที่ของสินค้าที่ทำการเทรดใน MT4 และ MT5 ในขณะเดี่ยวกันก็สามารถใช้บอกกำไ รและ ขาดทุนได้เช่นกัน นอกจากนี้ค่าสเปรด (Spread) รวมถึงค่า  Swap ในบางสินค้าก็ระบุโดยใช้หน่วยเป็น Point ด้วย ซึ่งเทรดเดอร์ก็สามารถแปลงจาก Point เป็นสกุลเงินได้โดยใช้สูตรที่ให้ไปในบทความ โดยสกุลเงินที่ได้ก็จะได้เป็นสกุลเงินด้านขวาของสินค้านั้นเสมอ อย่างไรก็ตาม โปรแกรม MT4 และ MT5 ของ Star Trader ก็จะมีการแปลงสกุลเงินที่คำนวนได้ให้เป็น USD เพื่อให้เทรดเดอร์รับรู้กำไร และ ขาดทุนตรงกับสกุลเงินที่ฝากเข้าไปในพอร์ตซึ่งก็คือ USD นั่นเอง

*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด