กราฟ Bar Chart คืออะไร ทำความรู้จักก่อนใช้จริงในตลาด Forex พร้อมวิธีอ่านกราฟแบบง่าย
Bar Chart ในตลาด Forex เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้สำหรับการแสดงผลราคาและการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทางการเงิน โดย Bar Chart จะแสดงข้อมูลในรูปแบบของแท่งต่อเนื่องกัน โดยแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น ราคาเปิด (Open), ราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low), และราคาปิด (Close) ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 1 ชั่วโมง, 1 วัน, หรือ 1 สัปดาห์ เป็นต้น ผู้ใช้สามารถใช้ Bar Chart เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและการทำธุรกรรมในตลาด Forex ได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วแท่งสีเขียวจะแทนการเปิดราคาต่ำกว่าราคาปิด และแท่งสีแดงจะแทนการเปิดราคาสูงกว่าราคาปิด แต่ในบางกรณี แท่งอาจมีสีอื่นๆ เพื่อแสดงข้อมูลเสริมเช่น เทียบกับข้อมูลย้อนหลัง หรือเพื่อให้สีแท่งต่างๆ มีความหลากหลายในการแสดงผลลัพธ์
ทำความรู้จักกับ Bar Chart
Bar Chart “กราฟแท่ง” หรือที่เรียกอีกแบบว่า OHLC charts มีจุดสำคัญ 4 จุดหลัก ได้แก่ ราคาสูงสุดและต่ำสุดซึ่งมาจากแท่งแนวตั้ง ราคาเปิดที่มีการทำเครื่องหมายทางด้านซ้ายของแท่ง และราคาปิดที่มีการทำเครื่องหมายทางด้านขวาของแท่ง
เพื่อเข้าใจกราฟแท่งได้ดียิ่งขึ้น เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจหน่วยเวลา (Timeframe) หน่วยเวลาคือช่วงเวลาที่ใช้วัดอัตราแลกเปลี่ยนของตลาด ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในหน่วยเวลา 1 ชั่วโมง แต่ละแท่งที่คุณจะเห็นบนกราฟจะแทนการเคลื่อนไหวของราคาภายในชั่วโมงนั้นๆ แท่งจะแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดภายในแต่ละชั่วโมง
กราฟแท่งเทรดเดอร์สามารถใช้หน่วยเวลาต่าง ๆ เพื่อเข้ากับสไตล์การเทรดตั้งแต่ 5 นาที 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมงไปจนถึงกราฟรายวัน ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณต้องการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา กราฟแท่ง 1 นาที ที่จะแสดงแท่งราคาใหม่ทุกๆ นาที จะเหมาะสำหรับนักเทรดแบบ Day trader กราฟแท่งรายสัปดาห์อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว
กราฟแท่งไม่ใช่แค่แสดงการซื้อขายในระดับสูงและต่ำเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกทิศทางของราคาและการเคลื่อนไหวภายในแท่งได้อีกด้วย
บนกราฟราคา แต่ละแท่ง OHLC (Open, High, Low , Close) จะถูกแสดงเป็นบวกหรือลบ แบ่งแยกได้ตามนี้:
-หากราคาปิดมากกว่าราคาเปิด แสดงว่า bullish หรือแนวโน้มขึ้น
-หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งจะถูกเป็นสีแดง ซึ่งแสดงถึง bearish (downtrend) เนื่องจากราคาลดลงในช่วงเวลานั้น ๆ
วิธีอ่าน Bar Chart แบบง่าย ๆ
ราคาเปิด
ราคาแรกที่ซื้อขายระหว่างช่วงเวลาแท่งนั้นๆ และถูกแสดงด้วยเส้นแนวนอนที่ตั้งอยู่ที่ด้านซ้ายของแท่ง โดยทั่วไปราคาเปิดจะเท่ากับหรือใกล้เคียงกับราคาปิดของช่วงเวลาก่อนหน้า
สูงสุด
ราคาที่สูงที่สุดที่ซื้อขายในระหว่างแท่งนั้น ๆ และถูกแสดงด้วยส่วนบนของแท่ง คิดเหมือนว่าเป็นจุดสูงสุดของช่วงเวลานั้น
ต่ำสุด
ราคาที่ต่ำที่สุดที่ซื้อขายในระหว่างแท่งนั้น ๆ และถูกแสดงด้วยส่วนล่างของแท่ง คิดเหมือนว่าเป็นจุดต่ำสุดของตลาดในช่วงเวลานั้น
ราคาปิด
ราคาสุดท้ายที่ซื้อขายในระหว่างแท่งนั้น ๆ และถูกแสดงด้วยเส้นแนวนอนที่ตั้งอยู่ทางด้านขวาของแท่ง
สี
ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของเทรดเดอร์ โดยทั่วไปสีเขียวจะใช้เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดแสดงเป็นแท่งขาขึ้น และสีแดงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดแสดงเป็นแท่งขาลง
ขนาดของ Bar chart ก็มีความสำคัญ!
ขนาดของ Bar เปลี่ยนแปลงตามความกดดันทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อการเสนอขายและความต้องการในคู่เงิน
-แท่งเล็ก (ระยะห่างเล็กน้อยระหว่างจุดสูงสุดและต่ำสุด) หมายถึงขาดความสนใจจากผู้ซื้อและผู้ขายทั้งสองฝั่ง แท่งเล็กหมายถึงตลาดที่มีเสถียรภาพ คล้ายกับที่มีในกราฟแท่งเทียน
-แท่งสูง ที่มีระยะห่างกว้างระหว่างจุดสูงสุดและต่ำสุด หมายถึงความสนใจในการซื้อขายมากมาย แท่งขนาดใหญ่หมายถึงความผันผวน
ข้อดีของ Bar Chart
-ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์หลายประการรวมถึงราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด
-กราฟแท่งแสดงข้อมูลทั้งสี่ราคาต่อระยะเวลาที่กำหนด – ราคาสูงสุด, ต่ำสุด, เปิด, และปิดของคู่สกุลเงิน
-ง่ายต่อการค้นหารูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เรียบง่ายในกรอบเวลาที่สั้น
-กราฟแท่งมีลักษณะที่กระชับและแม่นยำทางสายตา ซึ่งช่วยให้นักเทรดฟอร์เร็กซ์สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดปัจจุบัน เทรนด์ และระดับราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของ Bar Chart
-มองได้ไม่ง่ายเท่ากับกราฟเทียนหรือกราฟเส้น
-ไม่มีการสีที่ชัดเจน
-มองได้ยากตามกราฟว่าราคาสินทรัพย์เพิ่มมูลค่าขึ้นในช่วงเวลาใดหรือลดลง
-อาจจะยากสำหรับผู้เริ่มต้น ในการทำความเข้าใจว่าแท่งไหนเป็นการเติบโตและแท่งไหนลดลง
-ไม่ทุกตัวชี้วัดทางเทคนิคทำงานได้ดีบนกราฟแท่ง
ข้อสรุปจุดสำคัญ
Bar Chart แสดงการเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงเวลาที่เลือก โดยใช้เส้นแนวตั้งและเส้นแนวนอนเพื่อระบุราคาสูงสุด ต่ำสุด ราคาเปิด และราคาปิด
การเปลี่ยนสีในกราฟแท่ง (สีดำ/เขียวสำหรับ bullish เส้นแดงสำหรับ bearish )
ความยืดหยุ่นของกราฟแท่งในหน่วยเวลาต่าง ๆ ตอบสนองต่อกลยุทธ์การซื้อขายต่าง ๆ ตั้งแต่การเทรดแบบ Day Trade ไปจนถึงการลงทุนระยะยาว
ขนาดของแท่ง OHLC สะท้อนความสนใจของตลาดและความผันผวน โดยแท่งที่ใหญ่แสดงถึงการซื้อ/ขายที่แข็งแกร่งและแท่งที่เล็กกว่าชี้ให้เห็นถึงตลาดที่มีเสถียรภาพ
การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน