ค่าสวอป (Swap) ในตลาด Forex คืออะไร พร้อมวิธีคำนวณ ที่เทรดเดอร์ต้องรู้ ถ้าไม่อยากเสียเปรียบ!
เทรดเดอร์ต้องรู้ ถ้าไม่อยากเสียเปรียบ!
เจาะลึกพื้นฐานค่า Swap ในตลาดฟอเร็กซ์ มีความสำคัญและส่งผลต่อการเทรดอย่างไร พร้อมวิธีคำนวณ
Swap ในตลาด Forex คืออะไร?
ในตลาด Forex (Foreign Exchange Market) นั้น Swap หมายถึงประเภทของดอกเบี้ยที่เทรดเดอร์ต้องเสียสำหรับตำแหน่งที่ถือครองไว้ในแต่ละคืน โดยเทรดเดอร์จะได้รับดอกเบี้ยจะได้มาจากโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ ค่า Swap จะถูกคิดเมื่อมีการถือครองสัญญา “ข้ามวัน” จำนวนเงินมากน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาการถือครองสัญญาจะเป็น วัน หรือเป็นเดือน
ค่า Swap คิดยังไงขึ้นอยู่กับความต่างในอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินที่ถูกซื้อขาย นอกจากนี้ยังมีการคำนวณเพิ่มเติมที่ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์ที่เทรดเดอร์ใช้ ค่าสวอปสามารถเป็นค่าลบหรือค่าบวกได้ ขึ้นอยู่กับอัตราสวอปและสถานะการซื้อขาย
การคำนวณค่า Swap สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ดังนี้:
Swap ในแนวทางบวก (Positive Swap): เป็นค่า Swap ที่ผู้ลงทุนจะได้รับเมื่อมีอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ถือเพิ่มขึ้นต่อวัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่ถูกขาย การรับ Swap ในแนวทางบวกสามารถช่วยเพิ่มผลกำไรในการถือตำแหน่งได้
Swap ในแนวทางลบ (Negative Swap): เป็นค่า Swap ที่ผู้ลงทุนจะต้องจ่ายเมื่อมีอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ถือลดลงต่อวัน อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสกุลเงินที่ถูกขาย การจ่าย Swap ในแนวทางลบอาจเป็นค่าใช้จ่ายเสียที่ผู้ลงทุนต้องพึงระวัง
หลักการทำงานของ Swap
ค่าสวอปถูกเรียกเก็บจากบัญชีเทรดของคุณจะขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณใช้ สำหรับโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินประมาณเที่ยงคืน โดยทั่วไประหว่าง 23:00 – 00:00 น. ตามเวลาเซิร์ฟเวอร์
การเก็บค่า Swap จะมีทุกวันยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์เพราะไม่มีการซื้อขาย ในทุก ๆ 5 โมงเย็น ตามเวลาของ New York ตั้งแต่เปิดจนถึงปิดตลาด เป็นเวลาประเทศไทย ก็คือ เริ่มช่วงตี 4 ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ (Broker) จะเริ่มเปิดตลาดเป็นเวลาเดียวกันกับที่ตลาด Forex ทั่วโลกเปิด
ค่า Swap จะไม่ถูกเก็บในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่จะเก็บรวบยอดทีเดียวในคืนวันพุธ ทำให้คืนวันพุธเกิดค่า Swap มากกว่าปกติถึง 3 เท่า ดังนั้นเทรดเดอร์ควรระวังการถือออร์เดอร์แบบ Sell ทิ้งไว้ในคืนวันพุธ เพื่อยืนยันว่าเมื่อใดที่โบรกเกอร์ของคุณเรียกเก็บค่าสวอปในบัญชีการซื้อขายของคุณ คุณควรดูที่ข้อกำหนดเฉพาะของสัญญาสำหรับตราสารที่คุณกำลังซื้อขาย
ประเภทของ Swap
1.Long Swap (Swap การถือครองทางบวก): เกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อถือครองสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินตราอื่นในคู่สกุลเงินนั้น ๆ ผู้ซื้อจะได้รับดอกเบี้ยจากตำแหน่งที่ถือครองนานกว่าหนึ่งวัน เป็น Swap ที่ใช้กับการเปิดออเดอร์แบบ BUY (Long) หรือการทำกำไรในขาขึ้น
2.Short Swap (Swap การถือครองทางลบ): เกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อถือครองสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินตราอื่นในคู่สกุลเงินนั้น ๆ ผู้ซื้อจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเข้าไปสำหรับตำแหน่งที่ถือครองในระยะเวลาต่อไป เป็น Swap ที่ใช้กับการเปิดออเดอร์แบบ SELL (Short) หรือการทำกำไรในขาลง
3. บัญชี Forex แบบ ฟรี Swap
บัญชีอิสลามจะไม่มี Swap เนื่องจากการเงินอิสลาม ผู้ให้กู้ไม่ได้รับอนุญาตให้คิดดอกเบี้ย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เรียกเก็บค่าสวอป Forex บัญชีอิสลามมักจะมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายสัปดาห์ที่เรียกเก็บเมื่อเริ่มต้นการทำธุรกรรม หรืออาจไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเลย
ปัจจัยในการกำหนดค่า Swap
1.อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนดสามารถมีผลต่อการกำหนดค่า Swap โดยทั่วไปถ้าอัตราดอกเบี้ยในสกุลเงินที่เรากำลังซื้อเพิ่มขึ้น อาจทำให้ค่า Swap ในการซื้อขายเงินตรานั้นเป็นบวก และในทางกลับกัน ถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลง อาจทำให้ค่า Swap เป็นลบ การกำหนดค่า Swap ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินที่มีการกำหนด Swap นั้น ๆ
2.ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินคู่: การกำหนดค่า Swap ยังขึ้นอยู่กับความแตกต่างในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินที่มีการกำหนด Swap นั้น ๆ หากมีความแตกต่างในอัตราแลกเปลี่ยนที่สูง อาจทำให้ค่า Swap มีการกำหนดเพิ่มขึ้น
3.ผลต่อตลาด: สภาวะทางเศรษฐกิจและปัจจัยทางการเมืองสามารถมีผลต่อค่า Swap ด้วย เช่น การประกาศนโยบายเศรษฐกิจโดยธนาคารกลางหรือการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในตลาดทางการเมือง อาจทำให้ค่า Swap มีการกำหนดตามสภาวะที่เกิดขึ้น
4.ระยะเวลา: ระยะเวลาที่กำหนดให้ Tenor ในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศสามารถมีผลต่อการกำหนดค่า Swap โดยทั่วไปการ Tenor ยาวขึ้น อาจทำให้ค่า Swap เพิ่มขึ้น
5.อัตราค่าคอมมิชชันที่โบรกเกอร์ Forex เก็บเพิ่ม
6.เวลาเปิด Positions
7.การเคลื่อนไหวของราคาของสกุลเงิน
สิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้เกี่ยวกับ Swap
– ค่า Swap จะเกิดขึ้นเมื่อคุณถือออร์เดอร์ข้ามคืน
– ค่า Swap จะมีการคิดทุกวัน ค่า Swap จะไม่ถูกเก็บในคืนวันเสาร์และคืนวันอาทิตย์ แต่จะเก็บรวบยอดทีเดียวในคืนวันพุธ ทำให้คืนวันพุธเกิดค่า Swap แบบพิเศษ เทรดเดอร์จึงควรหลีกเลี่ยงการถือออร์เดอร์แบบ Sell ทิ้งไว้ในคืนวันพุธ
– ค่า Swap เป็นเรื่องปกติของโบรกเกอร์ ซึ่งจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของ Broker ว่าเป็นอย่างไร
– ค่า Swap จะมี 2 แบบ ได้แก่ Swap Long และ Swap Short โดยที่ Swap Long จะใช้กับออร์เดอร์ที่เป็น Buy ส่วน Swap Short จะใช้กับออร์เดอร์ที่เป็น Sell
– Swap Free คือ การเลือกที่จะใช้บัญชีที่ปลอดค่าธรรมเนียม โดยผู้ที่สามารถใช้สิทธิ์นี้คือเทรดเดอร์ชาวมุสลิมที่ตามความเชื่อของอิสลามนั้นไม่ให้รับหรือจ่ายดอกเบี้ย
ประโยชน์ของ Swap ในการเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาด Forex ได้แก่
1.การลดค่าคาดหวังดอกเบี้ย: ผู้ลงทุนที่มีตำแหน่งค้างคืนในตลาดฟอเร็กซ์อาจใช้ Swap เพื่อลดค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายหรือรับเมื่อค้างคืนตำแหน่งในคืนวันถัดไป ด้วยการแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าดอกเบี้ยในการถือตำแหน่งในระยะยาว
2.การป้องกันความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน: ผู้ลงทุนหรือธนาคารอาจใช้ Swap เพื่อป้องกันความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างสองสกุลเงิน โดยแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนตามอัตราที่ตกลงกันล่วงหน้า การใช้ Swap เป็นกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในการซื้อขาย
3.การสร้างโอกาสการลงทุน: Swap สามารถใช้ในการสร้างโอกาสการลงทุนและกำไรที่เป็นไปได้ โดยผู้ลงทุนสามารถกลับกลายสกุลเงินในอนาคตเพื่อให้ได้ผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนตามทิศทางที่คาดหวัง
4.การจัดการเงินตรา: Swap สามารถใช้ในการจัดการเงินตราโดยสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินในอนาคตเพื่อตรงกับความต้องการในการซื้อขายหรือการทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินตราต่างประเทศ
การใช้งาน Swap ในตลาดฟอเร็กซ์มักใช้ในการปรับปรุงการเงิน ลดความเสี่ยงทางเงิน และเพิ่มโอกาสในการลงทุน อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Swap ควรพิจารณาตามความเหมาะสมและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับแต่ละสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของผู้ลงทุน
ความเสี่ยงของค่า Swap
– นักเทรดอย่างเราไม่สามารถควบคุมค่า Swap ได้ เนื่องจากอัตราสกุลเงินที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
– โบรกเกอร์บางแห่งเป็นฝ่ายกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมให้กับการแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคาร ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของอัตราดอกเบี้ย สกุลเงิน Margin หรือ Pip
– โบรกเกอร์แต่ละแห่งจะมีการคำนวณอัตราค่า Swap ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมันอาจจะส่งผลต่อกำไรที่จะได้ในอนาคตของคุณด้วย จีงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะตรวจรายละเอียดการคิดอัตราค่า Swap ของโบรกเกอร์ ก่อนทำการลงทุนใดๆ
การคำนวณค่า Swap ทำอย่างไร
ตามหลักการแล้ว อัตราแลกเปลี่ยนจะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติโดยแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถคำนวณอัตราสวอปฟอเร็กซ์ได้อย่างง่ายดายโดยใช้สูตรนี้:
อัตราการ Swap
Swap rate จะแสดงบนแพลตฟอร์มการซื้อขายฟอเร็กซ์ อาจเป็นค่าบวกหรือค่าลบก็ได้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของแต่ละสกุลเงิน ค่าที่แสดงจะแตกต่างกันสำหรับสถานะซื้อและขาย (long and short positions) ดังนั้น หากเทรดเดอร์วางสถานะ Short (ขาย) ในตลาด พวกเขาควรใช้ Swap short rateในการคำนวณ และถ้าพวกเขาวางสถานะ Long (ซื้อ) ก็ควรใช้ Swap long rate
ตัวอย่างเช่น หากซื้อขาย EUR/USD ในคู่ FX และบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย มีการระบุว่า Swap long คือ – 6.13 และ Swap short คือ 0.45 หากพวกเขาถือครองตำแหน่งสั้น พวกเขาจะคำนวณโดยใช้ 0.45
อัตราสวอปจะแตกต่างกันไปสำหรับสินทรัพย์ต่างๆ และวัดจากขนาดมาตรฐาน 1 standard lot (100,000 base units สำหรับคู่ฟอเร็กซ์)
Lots (Volume)
ล็อต (Lots) แสดงถึงปริมาณการซื้อขาย เมื่อเทรดเดอร์วางคำสั่งในแพลตฟอร์มการซื้อขาย พวกเขาสามารถเลือกปริมาณการซื้อขายได้ เทรดเดอร์สามารถเลือกระหว่างจำนวนขั้นต่ำและจำนวนสูงสุดขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มการซื้อขายของพวกเขา
Number of Nights
เมื่อคำนวณอัตราสวอป เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงจำนวนวันที่พวกเขาจะถือสถานะซื้อขายกันข้ามคืน
ค่าสวอปจะเป็นสามเท่า หากเทรดเดอร์เก็บ position ไว้ตลอดสุดสัปดาห์ ในคืนวันพุธ ค่าบริการจะคิดเป็นสามวันแทนที่จะเป็นหนึ่งวัน ในกรณีที่อัตราสวอปเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน เทรดเดอร์ควรคำนวณแต่ละวันแยกกันแล้วค่อยนำมารวมเข้าด้วยกัน
ตัวอย่าง:
สมมติว่าเทรดเดอร์ถือ long position ด้วยล็อต EUR/USD 5 Lots และเก็บ Positions ไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันพฤหัสบดีถัดไป วิธีคำนวณค่าสวอปโดยใช้สูตรด้านบน:
อัตราค่าสวอป x จำนวนล็อต (ปริมาณ) x จำนวนคืน = ค่าสวอป (ในสกุลเงินหลัก)
= – 6.13 x 5 x 7
= -214.55 EUR (เป็นผลดีต่อเทรดเดอร์)
Forex Swaps: ตัวอย่าง
สมมติว่านักเทรดเปิดสถานะ Long swap EUR/AUD สำหรับสองล็อต (200,000 หน่วย) ในบริบทนี้ Long Positions หมายความว่าเทรดเดอร์ขาย AUD และซื้อ EUR ดังนั้นโพซิชั่นนี้จึงมีมูลค่า $200,000 สำหรับการซื้อขายนี้ ราคาของ EUR/AUD คือ 1.59
อัตราดอกเบี้ยระหว่างยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลียอยู่ที่ 3.47% และ 2.56% ตามลำดับ ในสถานการณ์นี้ เทรดเดอร์มีแนวโน้มที่จะได้รับเครดิตเข้าสู่บัญชีซื้อขายของพวกเขา เนื่องจากพวกเขากำลังซื้อเงินยูโร (อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น) และขายดอลลาร์ออสเตรเลีย (อัตราดอกเบี้ยต่ำลง)
การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน