FED ขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไรบ้าง?
การสูงตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและสินทรัพย์อื่นๆ มีผลกระทบที่ต่างกันไป
อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มักจะมีการเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางราคาทองคํา การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลถึงการแข็งค่าของค่าเงินสหรัฐฯ การลงทุนในทองจึงลดลงส่งผลให้ราคาทองคำลดลงเช่นกัน
ค่าเงินสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นลงของ FED ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนที่สําคัญสําหรับราคาทองคําเนื่องจากทองคำเป็นโลหะที่มีค่าเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ถ้าค่าเงินตกผู้บริโภคสามารถซื้อทองคําได้มากขึ้นด้วยจํานวนเงินเท่ากันซึ่งส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้นและราคาทองคําที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าลงของราคาทองคำยังมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นๆ จํานวนเหมืองทองคําที่เพิ่มขึ้น (Supply) จะทําให้ทองคําถูกผลิตสู่ตลาดมากขึ้นและส่งผลให้ราคาทองคําลดลงนั้นเอง
ในทางกลับกัน ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ก็มีหลากหลายปัจจัยเช่นกัน
– ราคาน้ํามันดิบ การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ํามันดิบจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น จึงทําให้นักลงทุนต้องลดการถือเงินสดลงแล้วหาสิ่งตอบแทนที่สามารถชดเชยช่วงเงินเฟ้อ เช่นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่าง “ทองคำ”
– อัตราเงินเฟ้อจะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นรวมถึงทองคำด้วย
– ความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์และชิ้นส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิคส์, ความต้องการในเครื่องประดับ (Demand) หากต้องการซื้อทองคำสูง จะส่งผลให้ราคาทองสูงขึ้นด้วย
– ความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศ (สภาวะเสี่ยงสงคราม) หากเกิดภาวะความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ราคาทองคํามักจะมีค่าสูง เนื่องจากนักลงทุนต่างๆเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์ ทําให้หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น ทองคำ จึงทำให้ทองคำที่ราคาที่สูงขึ้น
จะเห็นได้ว่า FED ขึ้นดอกเบี้ยก็มีส่วนที่ทำให้ราคาทองตำ่ลง แต่นี้ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ยังรวมไปถึงปัจจัยอีกหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นๆ เทรดเดอร์ที่สนใจในการเทรดทองควรศึกษาถึงปัจจัยพื้นฐานต่างๆ รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด